30 May 2007

-: Turn on the Little Stu-Fe' Light :-

Turn on the Little Stu-Fe' Light

“ความอร่อยหวานลิ้นของการได้ดูหนังกับเพื่อน และกลุ่มคนที่ชื่นชอบทางด้านงานภาพยนตร์ ดนตรี หรือศิลปะทุกแขนงผสมเคล้ากับบรรยากาศที่หอมละมุน ช่วยขับให้รสชาติในปากดีขึ้นมาได้อย่างผิดหูผิดตาและผิดลิ้น”

หัวค่ำของวันพฤหัสบดีแบบนี้ทำให้ผู้คนในร้านยังบางตา แต่เสียงเพลงและเสียงพูดคุยตอนนี้ก็ช่วยขับไล่ความเงียบเหงาของค่ำคืนกระจัดกระจายออกไปทางประตูพร้อมๆ กับที่เพื่อนอีกกลุ่มก้าวเข้ามาสร้างความครื้นเครงให้บริเวณร้านอาหารกึ่งคาเฟ่แห่งนี้

โทนร้านสีเขียวอบอุ่นของ Stu-Fe’ ร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ และเป็นกันเองของ Monotone Group ตั้งอยู่ในซอยฟาร์มวัฒนาตรงข้ามกับโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทย ถนนพระราม 4 เขตคลองเตย ซึ่งเลยเข้ามาจากถนนใหญ่ไม่ถึง 200 เมตร ตัวร้านดัดแปลงมาจากบ้านเก่าตกแต่งด้วยโต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องประดับที่รับกันกับบรรยากาศเงียบสงบ และเปี่ยมด้วยสุนทรียะในความเป็นนักดนตรีของพวกเขา



Stu-Fe’ ย่อมาจาก Studio & Café และในอีกลูกเล่นและความตั้งใจหนึ่ง Stu-Fe’ อาจสะกดว่า Stufe’ ที่แปลว่าบันไดเสียงในภาษาเยอรมัน ซึ่ง Stu-Fe’ นอกจากจะเป็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่แล้วด้านหลังของตัวบ้านยังถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องอัดไว้ให้คนรักดนตรีกลุ่มนี้ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงในเวลาว่างจากการทำงานประจำรวมทั้งการดูแลร้านอาหาร

พ่อครัวคนสำคัญของร้านซึ่งอาจจะไม่เป็นที่รู้จักนักในหมู่ของพ่อครัวด้วยกันเอง แต่รสชาติและชั้นเชิงในการทำอาหารของพ่อครัวที่ชื่อโต้ง P.O.P หรือปัจจุบันรู้จักกันในนามของ โต้ง Save da last piece ก็นับได้ว่าอร่อยและถูกลิ้นนักชิมอย่างไม่ธรรมดาเลยทีเดียว โดยที่เมนูขึ้นชื่อของที่นี่ประกอบไปด้วย สปาเก็ตตี้ซอสหมู, แกงกระหรี่ไก่ราดข้าว, ข้าวหน้าไก่ย่าง และส้มตำจานใหญ่ที่เมื่อไรมาถึงร้านนี้แล้วก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

สิ่งที่แตกต่างและช่วยทำให้ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่แห่งนี้สว่างไสวขึ้นมาท่ามกลางความมืดที่ปลีกตัวออกมาจากความวุ่นวายของถนนใหญ่ คงจะเป็นความอบอุ่นและเป็นกันเองของบรรดาผู้คนในร้านที่ล้วนแต่เพื่อนฝูงกัน ทั้งนักจัดรายการวิทยุแห่งคลื่น 104.5 Fat Radio สมาชิกจากทั้ง Monotone Group เอง รวมไปถึงเพื่อนๆ ศิลปิน นักร้อง นักดนตรีที่สนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คอยเชื้อเชิญต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้ม และเสียงเพลงจากกีตาร์โปร่งที่ดังฟุ้งภายในร้าน สลับกับบทเพลงหวานฉ่ำจากเครื่องเสียง



และอาจจะแตกต่างจากทุกวัน... ปลายอาทิตย์อย่างวันพฤหัสบดีของทุกสัปดาห์เช่นในวันนี้ Stu-Fe’ ตั้งใจจะปิดห้องเพื่อให้สมาชิกภายในร้านร่วมกันชมภาพยนตร์คุณภาพที่คัดสรรมาอย่างดีโดยประเดิมครั้งแรกด้วยหนังโทนเหลืองของ Jonathan Dayton และ Valerie Faris สองผู้กำกับคู่หูที่เคยผ่านงาน Music Video มามากมาย และกับภาพยนตร์เรื่องแรกของพวกเขาอย่าง Little Miss Sunshine เป็นครั้งแรกของทั้งหนังและทั้งร้านที่ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง



เสียงปรบมือยังคงไม่สิ้นสุดเมื่อภาพสุดท้ายบนจอหายวับไป รอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้าทุกใบหน้าซึ่งกำลังกล่าวชื่นชมกับภาพยนตร์ที่เพิ่งจบลง ความอร่อยหวานลิ้นของการได้ดูหนังกับเพื่อน และกลุ่มคนที่ชื่นชอบทางด้านงานภาพยนตร์ ดนตรี หรือศิลปะทุกแขนงผสมเคล้ากับบรรยากาศที่หอมละมุน ช่วยขับให้รสชาติในปากดีขึ้นมาได้อย่างผิดหูผิดตาและผิดลิ้น แม้อาหารบนโต๊ะจะหมดไปตั้งนานแล้ว... แสงไฟภายในร้านหรี่ลงเมื่อหลายคนเริ่มทยอยออกจากร้าน บทเพลงของค่ำคืนยังคงบรรเลงแผ่วเบาคล้ายท่วงทำนองที่ทุกคนคุ้นหู “ปิดไฟเถอะนะที่รัก แล้วเราจะไปด้วยกัน สวรรค์ของเรา...”

8 comments:

Unknown said...

รถตู้สีเหลืองคันนั้น ช่างน่าซื้อมาลองขับดูไม่น้อย

หรือว่าเราจะลองส่งน้องปอ ไปประกวด little miss sunshine ดีนะ

Anonymous said...

ทริปหน้าเจอกัล

ได้ข่าวว่าเรื่อง Aways...

ปล.เขียนดีนะ แต่ช่วงแรกยังแข็งๆ ป่ะ

Na-pongs Varunyanont said...

com19gangz ประกวดไปก็คงได้เหมือนในหนังครับ เอาเป็นว่าขอสละสิทธิ์ดีกว่าครับ ^^!

คนเดินถนน ไม่รู้ว่าทริปหน้าจะได้ไปหรือเปล่า แต่อาทิตย์หน้าละครใบ้ อย่าพลาดนะ!

Anonymous said...

ได้ลองเข้ามาอ่านครั้งแรก

เยี่ยม...เพลินดี

Na-pongs Varunyanont said...

jw ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมกันครับ ว่างๆ ก็แวะเข้ามาเยี่ยมกันบ่อยๆ นะครับ

Chin' Chin' said...
This comment has been removed by the author.
Anonymous said...

Thx a lot for creating such a wonderful article about " Stu-fe Paradiso" ..Please stop by and say hi @ our blog www.stufeparadiso.wordpress.com


See ya every Thursday night !!

Anonymous said...

ฟังคุนป้าหน่อย เลยเข้ามาชม เยี่ยมคับ
สวยอยู่ น่านั่งคับ