12 June 2007

-:รายละเอียด:-

รายละเอียด

“รวมถึงไปถึงปัญหาใกล้ตัวเช่นละเลยที่จะข้ามถนนตรงทางม้าลาย? เผลอทิ้งขยะเรี่ยราด? หรือไม่กล้าหอมแก้มพ่อและแม่สักครั้ง?”

ยามเช้ามาถึงแล้ว แม้ในช่วงนี้จะระอุไปด้วยไอความร้อนมากกว่าปรกติอยู่บ้าง ขณะที่ผมพาตัวเองมาเดินเตร็ดแตร่อยู่ในสวนสาธารณะกลางเมืองเพื่อรับการปลอบประโลมจากความเขียวขจีของแมกไม้ ผมได้ยินเสียงของคนอื่นแว่วเข้าหูมาว่า “ความรู้สึกต่อสิ่งที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมักมีในผู้หญิง มากกว่าในผู้ชาย” ผมเกือบจะตะโกนเถียงกลับออกไปว่า ไม่จริงหรอกผู้ชายที่ละเอียดอ่อนยังมีอยู่ถมไปบนโลกใบนี้ น่าเสียดายที่ผู้พูดกลับเดินห่าง และห่างออกไปทุกที

ผู้พูดเป็นผู้หญิงอายุราวๆ 18 ปี หรือ 20 ปี ไม่รู้สิอาจจะไม่ถึง หรืออาจจะเกิน ผมอาจจะเป็นผู้ชาย และไม่ละเอียดอ่อนอย่างที่เธอพูดจริงๆ แค่ประมาณอายุของเธอยังไม่ได้เลย เธอเดินมากับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ท่าทางกำลังออกรสออกชาติในการถกเถียงกันถึงประเด็นความละเอียดอ่อนของจิตใจ

ผมเริ่มหาที่นั่งเพื่อพักเหงื่อที่เริ่มชุ่มหลังแล้วลองทบทวนไตร่ตรองถึงสิ่งที่ได้ยิน ผม และผู้ชายหลายๆ คนอาจเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผู้ชายที่กำลังเถียงอยู่กับเธอคนนั้นอาจจะไม่มีวันเถียงชนะ เพราะมันอาจเป็นความจริงที่ว่าผู้หญิงอาจละเอียดอ่อนกว่าผู้ชาย

หลายครั้งที่เรากลายเป็นผู้สร้างปัญหาระดับโลกเช่น ภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการขาดความรับผิดชอบโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ? อาจแอบเผลอปล่อยสารเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ? หรืออาจเป็นผู้ร่วมทำร้ายระบบนิเวศ ธรรมชาติ และสภาพแวดล้อม? รวมถึงไปถึงปัญหาใกล้ตัวเช่นละเลยที่จะข้ามถนนตรงทางม้าลาย? เผลอทิ้งขยะเรี่ยราด? หรือไม่กล้าหอมแก้มพ่อและแม่สักครั้ง?
จะสังเกตหรือไม่ก็ตาม คำตอบของปัญหาเหล่านั้นหลายคนเป็นผู้หญิง และหลายคนเป็นผู้ชาย...

เสียงของคนคู่นั้นดังขึ้นทำลายความเงียบ ถัดจากผมไปเพียงเก้าอี้สาธารณะ 2 ตัว หรือ 3 ตัว ไม่รู้สิอาจจะไม่ถึง หรืออาจจะเกิน... พวกเขายังไม่ได้ไปไหน ยังคงนั่งเถียงกันอยู่ข้างๆ ผม เสียง และรสชาติของการคุยกันของคนสองคนดูเข้มข้นยิ่งขึ้น

บางครั้งการตั้งคำถามต่อสิ่งต่างๆ รอบกายอาจไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับโลกใบนี้มากนัก อาจไม่ได้ทำให้ผม และใครๆ หลายคนรู้ถึงคำตอบของคำถาม แต่คงเป็นเพราะเขาทั้งคู่กำลังใส่ใจในรายละเอียดถึงจิตใจของฝ่ายตรงข้าม เลยใช้ความเป็นตัวเองสร้างบรรทัดฐานขึ้นมา เพื่อที่จะวัดอีกฝ่ายหนึ่ง และเพียงไม่นานสงคราม การก่อการร้าย และปัญหาความขัดแย้งทั่วโลกจึงเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่มนุษย์ทุกคนอาจพยายามที่จะทำความดี และวัดผลการกระทำนั้นกับคนอื่นที่แตกต่างกันทางความคิดสิ้นเชิง

ฝนหลงฤดูเริ่มลงเม็ดโปรยตามกันลงมาเรื่อยๆ ชะเอาไอความร้อนละลายไหลติดไปด้วย เสียงฝนหล่นลงกระทบพื้น ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงของคนคู่นั้นที่เงียบหายไป ยังไม่ทันจะได้รู้ว่าคู่รักทั้งสองนั้นลงเอยประเด็นคำถามนี้กันได้หรือไม่? อย่างไร? ผู้ชายอาจจะละเอียดอ่อนมากกว่า หรือผู้หญิงอาจจะละเอียดอ่อนมากกว่า ไม่รู้สิอาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่ ผมอาจจะเป็นผู้ชาย และไม่ละเอียดอ่อนอย่างที่เธอพูดจริงๆ ...

ผู้ชายยกกระเป๋าขึ้นเพื่อบังฝนให้ผู้หญิง ผู้หญิงเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองส่งให้ผู้ชาย แล้วก็พากันวิ่งจูงมือไกลออกไป...


3 comments:

Anonymous said...

People in love they're fast and foolish
People in love get everything wrong
People in love get scared and stupid
People in love get everything wrong

At least they're not lonely
At least they're not lonely
They'll never be lonely..

ฮึดๆ หน่อย
ทำได้อยู่แล้ว..!!

wichstandup said...

"สำหรับกรณีนี้มันก็คิดไปได้ว่า เพราะการทุ่มเถียงถกเถียงกันนั่นแหละที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์นั้นขึ้นมา มันเริ่มมาจากความขัดแย้งแต่มันก็ลงท้ายด้วยความเข้าใจ มันเป็นความรู้สึกของคนสองคน

แต่หากถ้าขยายออกมาในภาพกว้างขนาดที่เรียกว่าสังคม ความหลากหลายมันทำให้เกิดอะไรบางอย่างกั้นกันไว้มากกว่าคนสองคนที่มีอุปสรรคน้อยกว่า บางทีการที่เราถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เอาใจเขามาใส่ใจเรา รักเขาเท่าๆกับรักตัวเอง มันคงเป็นสิ่งที่ทำให้สิ่งที่กั้นเราอยู่หายไปได้ แต่มันคงไม่มีใครทำอย่างอุดมคติได้อย่างนั้น

บางทีการเริ่มต้นจากตัวเองน่าจะดีที่สุด"

Na-pongs Varunyanont said...

b-well soon!! กำลังงงว่าประเด็นไหน? แต่ยังไงก็ขอบคุณมากครับ แน่นอน never be lonely

wichstandup ก็เพราะคนเราไม่มีใครคิดเหมือนกันหมด แค่เข้าใจเขา เข้าใจเรา และยอมรับความแตกต่างระหว่างกัน ไม่แน่บางทีชาตินี้เราอาจได้เห็น George W. Bush ขออเมริกานั่งร่ำสุรากับ Mahmoud Ahmadinejad ของอิหร่านก็เป็นได้ อย่างที่วิชว่า บางทีคงต้องเริ่มจากตัวเองก่อน