-: เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังวันอื่น :-
Sainte-Adresse, View Across the Estuary,
1865–70, by Claude Monet.
“ความจริง ความใช่ มักถูกประเมินจากสายตาของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่รู้จริง ในสิ่งนั้นๆ แต่ในทางกลับกันความปลอม ความไม่จริงก็ใช่ว่าจะเป็นผู้พ่ายแพ้อยู่ฝ่ายเดียว”
“ไม่จริงหรอก” ณรวิตรเถียงยาย
“หรือว่าณอไม่รู้สึก?” ยายถาม
“โลกของเราเนี่ยนะยาย ไม่ได้เป็นทรงกลม?...”
เช้าวันที่ 1 เมษายน 2550 โทรทัศน์ที่ณรวิตรนั่งดูอยู่ประโคมถึงข่าวการย่างเท้าเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเต็มตัวทั้งรูปธรรม และนามธรรม รวมไปถึงเรื่องราวสะเทือนโลกของผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิปดีแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา อัลเบิร์ต อัลกอ (Albert Arnold "Al" Gore, Jr.) กล่าวเอาไว้ในภาพยนตร์สารคดีที่ทำให้คนทั้งโลกต้องหันมาให้ความสนใจอย่าง An Inconvenient Truth ว่าในขณะนี้โลกของเรากำลังร้อนขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนน่าตกใจ จนทำให้จากนี้ไปอีกประมาณ 50 ปี โลกของเราคงต้องถึงกาลวิบัติเป็นแน่ หาก! มนุษย์โลก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนร่วมประเทศของอัลกอ) ยังบริโภคอย่างนิยม และชมชอบที่จะฉีกยิ้มแลบลิ้นใส่สภาพแวดล้อมอย่างไม่ใยดี ณรวิตรกวาดสายตามองไปรอบตัว และส่ายหน้า “ไม่จริงหรอก” ณรวิตรเถียงอัลกอ...
ลมร้อนอีกระลอกพัดเข้ามาทางหน้าต่าง ครั้งแล้ว... ครั้งเล่า... เขาลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าเหวี่ยงทิ้งไปยังทิศที่พัดลมตั้งอยู่ ปล่อยตัวเองให้เปล่าเปลือยอยู่กับผ้าขนหนูผืนใหญ่ในห้องน้ำ รูขุมขนทุกรูขยายตัวปล่อยเอาความร้อนภายในระบายออกมาเต้นระบำกับความร้อนกว่าภายนอก ก่อนที่จะเปิดสายน้ำเย็นพุ่งเข้าสู่ใบหน้า...
“วันนี้สดชื่นดีนะ!” ยายทักทาย เนื้อตัวของณรวิตรยังหมาดไปด้วยหยดน้ำ
“ร้อนไปนิดนึงยาย” เขาส่งยิ้มแล้วเดินเข้าไปโอบกอดจากด้านหลัง ก้มลงเอาหัวเปียกๆ ยีกับเสื้อคอกระเช้า
ตัวบางที่ยายสวมอยู่
“อย่าเล่นสิลูก” ยายปล่อยหัวเราะ
“ทำอะไรอยู่หรือครับ?”
“ถั่วเขียวต้มน้ำตาลของโปรดของณอไงล่ะจ๊ะ ยืนตรงนั้นช่วยหยิบกระปุกน้ำตาลส่งให้ยายหน่อยเร็ว...”
เช้านี้ยายเริ่มต้นวันให้ณรวิตรอย่างแปลกหูด้วยการเปรยขึ้นว่าโลกใบที่ทั้งสองกำลังนั่งคุยกันอยู่ใม่ใช่ทรงกลมอย่างที่เขาเห็นในภาพข่าวจากโทรทัศน์ ณรวิตรปล่อยขำเสียยกใหญ่ และเผลอนึกไปว่าความจริง ความใช่ มักถูกประเมินจากสายตาของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่รู้จริง ในสิ่งนั้นๆ แต่ในทางกลับกันความปลอม ความไม่จริงก็ใช่ว่าจะเป็นผู้พ่ายแพ้อยู่ฝ่ายเดียว เช่นเดียวกับประชาธิปไตย ฝ่ายตรงข้ามย่อมมีหน้าที่ระแวดระวัง ตั้งคำถาม และถ่วงดุลอำนาจให้ความจริงเหล่านั้นจริงอยู่เสมอ ใช่อยู่เสมอ และถูกต้องอยู่เสมอ
Mark Jones ผู้ช่วยภัณฑารักษ์แผนกเหรียญกษาปณ์ และเหรียญตราของ British Museum เคยกล่าวเอาไว้ในบทความชื่อ Fake? The Art of Deception ผ่านสำนวนแปลของ จักรพันธ์ วิลาสินีกุลไว้ว่า "ของปลอมสามารถสอนเราได้ในหลายสิ่งหลายอย่าง และบางทีสิ่งที่เด่นชัดที่สุดก็คือความผิดพลาดของผู้เชี่ยวชาญที่อาจเกิดขึ้นได้"
จนนึกขึ้นได้ว่าไม่น่าแปลก! หากวันนี้ยายอาจจะบอกเขาอีกว่าเกิดรัฐประหารซ้อนรัฐประหารซ้อนรัฐประหาร, อเมริกาค้นพบดาวดวงใหม่ที่คนสามารถอาศัยอยู่ได้ หรือจะจริงหรือไม่ที่เขาได้ยินว่าโลกกำลังร้อนขึ้นทุกๆ ปีอย่างน่ากลัวจากปากของชายที่ชื่ออัลกอ ราวกับมีกองเพลิงสุมอยู่ในชั้นบรรยากาศ เพราะชั้นบรรยากาศของโลกหนาขึ้นด้วยมลพิษที่คอยกีดกันไม่ให้โลกโยนเศษไม้ติดไฟเหล่านั้นทิ้งไปได้บ้างเลย ก็เพราะวันนี้เป็นวัน April Fool’s Day
ยายเคยเล่าว่าประมาณปี ค.ศ. 1564 กษัตริย์ชาร์ลที่ 9 แห่งฝรั่งเศสทรงประกาศเปลี่ยนวันเฉลิมฉลองการล่วงเข้าสู่ปีใหม่จากช่วงวันที่ 25 มีนาคม และส่งการ์ดให้กันในวันที่ 1 เมษายน (New Year's Week) มาเป็นวันที่ 1 มกราคม และด้วยข้อจำกัดของการติดต่อสื่อสารในสมัยนั้นจึงทำให้หลายต่อหลายคนยังคงไม่รู้ (Fool) และเฉลิมฉลองกันในวันที่ 1 เมษายนอยู่ ทำให้เรื่องที่ยายพูดวันนี้จึงฟังดูตลก
“ไม่จริงหรอก” ณรวิตรเถียงยาย
“หรือว่าณอไม่รู้สึก?” ยายถาม
“โลกของเราเนี่ยนะยาย ไม่ได้เป็นทรงกลม?...”
เวลาครึ่งชั่วโมงล่วงผ่านน้ำในหม้อเริ่มเดือดและข้น ถั่วเขียวเริ่มพองสุกแล้ว ยายยังสาละวนอยู่กับการเคี่ยวส่วนผสมในหม้อให้เข้ากัน ไอความร้อนจากเตาแก็ส จากดวงอาทิตย์ และจากอัลเบิร์ต อัลกอช่วยกันวิ่งปะทะร่างกายของยายอย่างแข็งขัน ทำเอาเหงื่อของยายเปียกโชกไปทั้งตัว โลกของเราร้อนขึ้นมากจริงๆ! ณรวิตรวิ่งไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นบิดหมาด แล้วเดินปรี่เข้ามาในครัว
“วันนี้ร้อนจังนะครับ” เขาพูดขณะที่สัมผัสผืนผ้าขนหนูลงเช็ดบนใบหน้าของยาย
“อากาศดีออกต่างหากล่ะจ๊ะ” รอยยิ้มที่เปรอะบนใบหน้ายายไม่ได้ถูกเช็ดออกไปด้วย... แม้ช่วงนี้จะบ่นว่าปวด
หลังอยู่บ่อยๆ แต่ก็มีความสุขกับขนมที่ตั้งใจทำเพื่อหลานรักอย่างสุดฝีมือ
“ไปเอาถ้วยมาสองใบไป ยายจะตักขนมให้” ณรวิตรเลียปากเมื่อรู้ว่าจะได้กินของโปรด ยายใช้ช้อนคนในหม้ออีกสอง-สามครั้งแล้วยกชิมน้ำที่ค้างช้อนอยู่ ในขณะที่ณรวิตรเดินกลับมาพร้อมถ้วยสองใบ เขาแกล้งกระโดดเข้างับปลายช้อนในมือยาย ยายหลานหน้าแหย๋ มองหน้ากันแล้วปล่อยเสียงหัวเราะลั่นบ้าน
“ผมหยิบกระปุกเกลือให้ยายหรือนี่!” เขาอุทาน และเผลอนึกถึงคำพูดของ Mark Jones อีกครั้ง
“ณอแกล้งหลอกยายเล่นวัน April Fool’s Day เหรอ?” ยายกล่าวหยอกเสียงหัวเราะ
“วันนี้ยายก็หลอกผมเหมือนกันว่าโลกของเราไม่ได้เป็นทรงกลม” ณรวิตรแกล้งตัดพ้อ แล้วโอบรอบลงเอวคุณยาย
“ยายไม่ได้โกหกหรอกจ่ะ! โลกของเราไม่ได้กลมเพียงเพราะยายมองดูมันในขณะที่ยายยืนอยู่บนพื้นโลก... ข้างๆ หลานนี่ไงลูก... หรือว่าณอไม่รู้สึก!” ยายถาม ณรวิตรช่วยเทหม้อถั่วเขียวทิ้งลงอ่างล้างจาน ในขณะที่คุณยายเดินยิ้มไปทางหลังบ้านแล้วยกมือขึ้นปาดเหงื่อ หรือน้ำตาเม็ดเล็กๆ?
4 comments:
ปอเอาชีวิตจริงตัวเองตอนเด็กกับยายมาเขียนป่ะเนี่ยครับ อ่านแล้วซึ้งจริงๆ สมกับที่ปอบอกว่า "แรงบันดาลยาย" พี่ก็โตมากับยายเหมือนกัน ถ้ายายปอได้มีโอกาสอ่านก็คงแอบอมยิ้ม
รักยายจริงๆครับ ฮ่าๆๆ เอาเนื้อที่ตรงนี้บอกรักยายซะงั้น
พอดีไปเจอข้อความนี้จึงเก็บมาฝากครับ
-:ทำไมผู้ชายคนนี้จึง "กอด" เธอได้ "อบอุ่น" กว่าใคร:-
จากภาพยนตร์เรื่อง "กอด" ครับ
คุณยายคงกำลังมอง ป อยู่เหนือพื้นโลก
ตอนนี้ท่านอาจจะรู้ดีที่สุดว่าอะไรคือความจริง อะไรคือความปลอมและกำลังสอนให้ ป เรียนรู้
เพราะโลกใบนี้มันซับซ้อนทั้งความคิดและความรู้สึก...แต่บางเรื่องก็ไม่เกินคำว่า'ยากแท้หยั่งถึง'
พี่โอ๊ต
มันเป็นความจริงส่วนหนึ่งและจินตนาการส่วนหนึ่งครับ
คุณยายเคยแอบปาดหยดน้ำที่ข้างแก้ม โดยทิ้งให้ผมสงสัยอยู่จนปัจจุบันนี้ว่า ของเหลวที่คุณยายปาดป้ายนั้นไหลออกมาจากตำแหน่งไหนของใบหน้า
แต่ก็คงได้แต่เก็บไว้สงสัย...
เรื่องบางเรื่องต่อให้พยายามมากแค่ไหน ก็ค้นหาคำตอบไม่ได้ หรือถึงหาได้! คุณค่าของความสงสัยที่ได้รับ อาจไม่สร้าง "แรงบันดาลใจ" ให้ผมอย่างทุกวันนี้
::?::
เป็นภาพยนตร์ที่น่าไปดูมากครับ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบคำๆ นี้นะ
"กอด" แค่เพียงได้ยินก็อบอุ่นแล้ว
เคยมีคนกล่าไว้ว่า "การกอดช่วยเยียวยาได้ทุกสิ่ง"
พวกเราลองมากอดโลกดูกันบ้างดีไหม?
HonG
คงต้องบอกว่า ผมอาจจะเป็นหลานผู้โชคดีที่มีคุณยายอยู่ทุกที่บนโลก
อยู่ในแก้วน้ำ เมื่อเราดื่ม
อยู่ในหนังสือ เมื่อเราเปิดอ่าน
อยู่ในเสียงดนตรี เมื่อเราฟังเพลง
อยู่ข้างๆ เมื่อเราได้คิดถึง
ไม่รู้ว่าความจริง กับความปลอมจะช่วยสอนอะไรเราได้บ้าง
แต่ในแก้วน้ำ หนังสือ และเสียงดนตรีของผม "มีคุณยายอยู่จริงๆ" นะ
Post a Comment