11 June 2012

ฟ้าโปรยฝัน

31/05/2555

ครึ่งปี 2555 เดินทางมากล่าวทักทายเราแล้ว เวลายังคงเดินไปข้างหน้าเหมือนไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยคิดที่จะหยุดพัก แม้ว่าเวลาช่างเดินนี้จะนำพาทุกอย่างเข้ามาและหลายอย่างออกไป วันนี้ได้มีโอกาสหยิบหนังแผ่นค้างชั้นขึ้นมาดู ไม่รู้ว่าด้วยอยู่บนสุดหรือด้วยอารมณ์ฟ้าโปรยฝนที่กระตุ้นให้เราอยากหยิบภาพยนตร์เกาหลีอย่าง Come Rain Come Shine (เรายังรักกันอยู่ไหม?) ขึ้นมาเล่นในเครื่องเล่น DVD ในคืนเงียบๆ เช่นในคืนนี้

ในหนังกล่าวถึงชีวิตคู่ของตัวเอกทั้งสอง ที่เดินมาถึงการแยกทาง เธอเก็บของส่วนตัวและต้องการจะย้ายออกไปจากบ้านที่ทั้งสองแต่งงานและอาศัยอยู่ร่วมกัน ไม่ทราบว่าเป็นเพราะบทหรือนั่นคือเรื่องจริงของมนุษย์ เธอและเขามีมิติทางความคิดที่ลีกและมากกันทั้งคู่แต่กลับมีบทสนทนาระหว่างกันน้อยนิด น้อยจนไม่แน่ใจว่านั่นคือสิ่งที่หนังพยายามจะสื่อความดราม่าออกมาแล้วใช้เทคนิคแช่ภาพปนบทพูดที่หลุดมาจากปากของตัวละครอย่างเชื่องช้าและดูน่าอึดอัด ทั้งคู่พูดจากันระหว่างที่เธอกำลังเก็บผสมความรู้สึกและของใช้ส่วนตัวแพ็คลงใส่กระเป๋า และเขาก็สุภาพพอจะยินดีช่วยเหลือให้เธอได้รับความสะดวกสบายที่สุดในการเดินจากไป...

ประเด็นของเรื่องที่ผมรับรู้และเกิดการตั้งคำถามขึ้นมาก็คือตัวพระเอก ผู้ชายที่ครุ่นคิดในหัวมากมาย และดูจะเข้าใจทุกสรรพสิ่งรวมไปถึงเข้าใจเธอ สิ่งเหล่านี้ซึมผ่านออกมาเป็นบุคลิกที่เงียบงัน ใจเย็น บางครั้งก็เหมือนไร้ความรู้สึก และดูคาดเดาความคิดได้ยากลำบาก ชั่วขณะหนึ่งผมก็หวนนึกถึงตัวเองว่าผมมีมิติเหล่านั้นอยู่บ้างหรือไม่? คำตอบก็คือส่วนใหญ่ในสิ่งที่เขาเป็นก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากผมหรืออีกหลายคนที่เข้าใจและพร้อมเข้าใจทุกความเป็นไปของชีวิต พร้อมเข้าใจและคิดอะไรมากมายในหัวจนหลายครั้งมันอาจสะท้อนออกมาเป็นความน่าเบื่อ จืดชืด และไร้อารมณ์ขัน

นั่นเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลและตื่นกลัวให้กับใครบางคนที่มีก้อนความคิดมากมายไหลอยู่ในหัวอย่างผมในคืนนี้ ไม่ใช่แค่สิ่งที่ชอบ ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ชอบ แต่บ่อยครั้งที่มันเป็นตัวตน และเป็นบทเริ่มต้นของคำถามมากมายเช่นว่า ทำไมคนเราเดี๋ยวนี้คิดกันน้อยเกินไป? การคิดมากมายในหัวสร้างภาพความน่าเคลือบแคลงให้คนรอบข้างมากขนาดไหน? หรือแม้แต่เราคิดมากเกินไปจริงๆ ใช่ไหม? มีอะไรหลายอย่างในชีวิตที่ผมและผู้คนยังคงเคยชินกับมัน หลายครั้งที่สิ่งเหล่านั้นทำให้เกิดการตัดสินใจผิดพลาดอย่างน่าสงสาร แต่บางครั้งก็เป็นสุข ผมและเพื่อนนักเขียน นักดนตรี รวมถึงศิลปินหลายคนเคยสรุปอาการร่วมกันในวงสุราว่า “มันก็แค่อาการคิดที่ใช้กลบความจริงของภาวะระบบรู้สึกสัมผัส (Sensitivity) ทำงานได้เร็วเกินไป” ฟังดูยาก แต่มันก็แค่การที่หลายๆ ครั้ง เราตอบสนองต่อความรู้สึกได้ดิ่งลึกและรวดเร็วมากเกินไปจนไม่ผ่านมันสมอง เราจึงพยายามคิด คิดให้เยอะๆ เพื่อจะหาที่มาและเหตุผลให้ความรู้สึกตอบสนองเหล่านั้นเพื่อไม่ให้ตนกลายเป็นคนมีตรรกกะแปลกประหลาดต่อหน้าผู้อื่น คนที่ชอบหลับตาฟังเสียงฝนกระทบดินและลมวูบลูบไล้ใบไม้ขยับพริ้วไม่อยากเป็นคนบ้าในสังคมที่คนพยายามไม่มองอะไรเล็กๆ เหล่านั้น

ระหว่างการเก็บของของสาวน้อยและการเคลื่อนไหวช่วยเหลือให้เธอได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดของเขา คนทั้งคู่ได้จมลงสู่ความทรงจำที่ต่างคนต่างเคยได้ประสบพบเจอร่วมกันมา หนังสือเล่มเก่าเล่มแล้วเล่มเล่าที่เต็มไปด้วยความทรงจำเขียนไว้อย่างละเอียดเหนือชั้นกว่าเนื้อหาสาระในนั้น ข้าวของเครื่องใช้ที่แม้ว่างเปล่ารอการยัดลงในกล่องพร้อมเดินทางแต่กลับหนักอึ้งด้วยความรู้สึกและเรื่องราวมากมายบรรจุอยู่ล้นกล่อง ไม่เคยหล่นหายไปไหน เพียงแต่เขาและเธอไม่เคยใช้เวลาร่วมกันนานขนาดนี้เพียงเพื่อแกะเปลือกแห่งความเคยชินแล้วหยิบความทรงจำทุกชิ้นขึ้นมาอวดกัน

ฝนยังคงตกโปรยเม็ดเหยียดหยามสายฝนในฉากหลังเรื่อยเงียบ ความน่าอึดอัดระหว่างคนช่างคิดช่างรู้สึกทั้งสองยังคงดำเนินผ่านบทสนทนาเบาหวิวและน้อยชิ้นราวกับหยดน้ำได้ชะล้างมันให้หายไปหมดแล้ว แต่ในระหว่างบรรทัดของสิ่งที่ผมได้รับกลับมาจากพวกเขาคือคนทั้งคู่ยังคงมีเยื้อใยในความรู้สึกอยู่ ผู้ชายที่แคร์จนปิดปากเงียบกริบไม่ขัดขืนต่อการจากไปของภรรยา และผู้หญิงเอาแต่ใจที่รู้สึกมากมายและขี้เกรงใจจนปฏิเสธทุกความหวังดีของสามี ฝนในภาพยนตร์ตกอย่างไม่รู้จักอาย ไม่นานนักถนนข้างนอกก็ถูกปิดและกลบทับตัดขาดกลายเป็นสัญลักษณ์ของการกักขังคนรักทั้งคู่ให้อยู่ในบ้านหลังเดิมที่หล่อเลี้ยงความรักและขับเคลื่อนคนทั้ง 2 มาโดยตลอด ไปไหนจากกันไม่ได้ ออกจากชีวิตกันไปไม่ได้ ไม่นานนักเมื่อฝุ่นที่จับสิ่งของต่างๆ เริ่มปลิวหล่นตกลงพื้น คำถามของคนทั้งคู่ที่ถูกส่งออกมาผ่านสายใยตลอดการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันก็เกิดขึ้น คำถามที่อาจตอบด้วยการโอบกอดอย่างเห็นแก่ตัวสักครั้ง การเหนี่ยวรั้งและถามย้ำตัวเองหลังไม่เคยกล่าวถามมาเนิ่นนานแล้วเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายไปไหน คำถามที่ควรถามกันตั้งแต่ต้นเรื่องที่อาจยังอบอุ่นและมีความหมายอยู่ในถ้อยคำอยู่ด้วยซ้ำ คำถามว่า... เรายังรักกันอยู่ไหม?

ผมปิดหนังเมื่อใกล้จบเรื่อง แล้วผลอยหลับไปกับเสียงฝน หรือบางครั้งคนเราก็ไม่พร้อมจะรับรู้บทต่อไปก่อนเริ่มหรือเลิกรัก ไม่พยายามทำให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเรารักมากแค่ไหน หรือผมจะคิดมากเกินไปจริงๆ ขอเวลาผมให้คำตอบต่อสักหนึ่งฝัน

No comments: