11 May 2008

-: จดหมายถึงคุณความว่างเปล่า :-

-: จดหมายถึงคุณความว่างเปล่า :-

"แด่... นักเล่านิทานสุดที่รัก หนูทัพเพนนี
และดินสอสีทุกแท่งบนโลกใบนี้"



ในห้องนั่งเล่นของคืนที่แสนยาวนาน
11 มีนาคม 2551
ถึง คุณความว่างเปล่า

          สวัสดีความว่างเปล่า คุณยังคงอยู่รอบตัวผมใช่ไหม? นั่นหมายความว่าจริงๆ แล้วผมอาจไม่ต้องนั่งมองท้องฟ้ายามเย็นแล้วรู้สึกเปลี่ยวเหงาเช่นในวันนี้ เพราะคุณยังคงอยู่ข้างๆ นั่งมองดูผมที่กำลังเหม่อลอยดูปุยเมฆสีขาวสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็น คุณกำลังโอบกอดร่างกายของผมให้รู้สึกอบอุ่นและมีคุณค่า ลมหายใจอุ่นๆ ของคุณที่พัดผ่านต้นคอทำให้ผมรู้ว่าคุณยังคงเอนหัวลงมาซบที่หลังและยังคงต้องการผมอยู่เสมอ แม้ภายหลังคุณจะทำให้ผมรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วคุณก็เป็นเพียงความว่างเปล่าที่ผมสัมผัสไม่ได้อย่างที่ผมต้องการก็ตาม
          ค่ำคืนอันอบอ้าวเริ่มกล่าวทักทายผมแล้ว ผมยังคงนั่งมองดูดวงดาวต่อไปอีกพักใหญ่ ผมชอบนั่งมองดูดวงดาวเพราะมันดูสุกสว่างสวยงามเหมือนผืนผ้าใบที่ปะพรมด้วยจุดสีขาวนับแสน เคยมีคนบอกผมว่าท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้นดูเหมือนหลังคาสีดำที่เป็นรูมากมาย และคนๆ นั้นเองที่เคยเอาหัวพิงกันแล้วนั่งมองดูดวงดาวน้อยใหญ่ไหลไปมาตามการเคลื่อนที่ของรถบัสจากเชียงใหม่ถึงกรุงเทพฯ ผมยังจำทุกความรู้สึกในวันนั้นได้เป็นอย่างดี ผมเก่งใช่ไหมล่ะความว่างเปล่าที่รัก แต่ความเก่งอาจไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้คนมีคุณค่าได้หรอกนะ
          ความว่างเปล่าครับ สำหรับคุณแล้ว คุณคิดว่าคนเรามองเห็นคุณค่าของคนรอบข้างอย่างไร สำหรับตัวผมเอง ผมคิดว่าคนเราต่างมีคุณค่าในตัวเองทุกคนขึ้นอยู่กับการตีความ และการเชื่อมั่นยอมรับ เมื่อไม่กี่วันมานี้ผมเพิ่งจะได้รับคำชมเชยในงานเขียนและวิธีการมองโลกของผมจากรุ่นพี่คนหนึ่งที่ผมเคารพ รุ่นพี่คนนี้ศรัทธาในตัวของผมมาตลอดไม่ว่าผมจะเลือกเดินทางไปในทิศทางไหน แน่นอนว่าเขาก็ตั้งความหวังกับผมอยู่ไม่น้อย แต่ผมก็ไม่ได้เลือกที่จะเดินไปในหนทางที่จะทำให้ตัวเองต่ำต้อยลงเสียหน่อย เพราะจุดมุ่งหมายของผมคืออนาคตที่สดใสทั้งความเป็นอยู่และความสุขเช่นเดียวกับที่คนทั้งโลกต้องการ
          แต่ก็มีหลายๆ คนที่กลับไม่เชื่อมั่นในคุณค่าของผมและมองว่าสิ่งที่ผมเป็นเป็นเรื่องตลกที่ไม่มีคนบนโลกนี้ขำ ความลึกในการมองโลกของผมกลับกลายเป็นความจริงจังอันแสนน่าเบื่อ การมีจุดประสงค์ของชีวิตกลับขัดหูขัดตากลายเป็นอุดมคติที่ดึงชีวิตผมให้ห่างออกจากสิ่งที่คนทั่วไปเขาทำกัน ทั้งๆ ที่ผมก็อยากกินข้าวในร้านอาหารหรูหรา อยากซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ตัดเย็บประณีตกว่าเสื้อผ้าราคาถูก อยากดื่มเหล้าราคาแพงและเล่นสนุกไปตามที่หัวใจเรียกร้องต้องการเช่นเดียวกับคนทั่วไป เพียงแต่ผมมีวิธีคิด - ที่จะตื่นเพื่ออะไร หลับเพื่ออะไร ตื่นเพื่อใคร และหลับเพื่อใคร - เป็นของผมเองก็เท่านั้น ผมไม่อยากให้ใครคาดหวังว่าผมควรจะเป็นให้เหมือนคนอื่น แต่ผมอยากให้เขาเหล่านั้นมีความหวังว่าผมจะต้องเป็นอย่างเช่นคนอื่นเขาเป็น คือมีความสุขทั้งร่างกายและหัวใจ...
          โชคไม่ดีเท่าไรเลยความว่างเปล่าที่รัก คนหนึ่งที่คิดเช่นนี้กลับเป็นคนที่ผมรักสุดหัวใจ และในวันนี้เธอก็เดินจากผมไปเสียแล้ว ผมคงไม่ต้องพิสูจน์อีกต่อไปว่าผมรักและพยายามทำทุกอย่างให้มันดีขึ้นมากแค่ไหน ผมมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งเหล่านั้น มีความสุขที่ได้เดินเคียงข้างคอยดูแลกันและกัน มีความสุขที่ได้โอบกอดสัมผัสไออุ่น และมีความสุขที่ได้รู้ว่ามีผู้หญิงคนนี้อยู่บนโลกจริงๆ ผมคงจะโชคดีกว่านี้ถ้าเขารู้ว่าเธอรักผม คงจะโชคดีถ้าเธอเชื่อมั่นและยอมรับในสิ่งที่ผมเป็นเพราะผมจะเป็นยอดผู้นำของเธอได้ก็ต่อเมื่อเธอเชื่อในสิ่งที่ผมกำลังนำ คงจะโชคดีถ้าเธออยากจะฝ่าฝันทุกอุปสรรคและร่วมทางไปกับผมจนวันสุดท้ายของชีวิต คงจะโชคดีถ้าเธอปล่อยวางข้อผิดพลาดกวนใจที่ผมมี นี่เรายังไม่ได้ผ่านช่วงที่ยากที่สุดของความรักไปเสียด้วยซ้ำ

          สวัสดีจะที่รัก เธอยังคงอยู่ใกล้ๆ ใช่ไหม? นั่นหมายความว่าจริงๆ แล้วฉันอาจไม่ต้องนั่งมองท้องฟ้ายามเย็นแล้วรู้สึกเปลี่ยวเหงาเช่นในวันนี้ เพราะเธอยังคงอยู่ข้างๆ นั่งมองดูฉันที่กำลังเหม่อลอยดูปุยเมฆสีขาวสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็น เธอกำลังโอบกอดร่างกายของฉันให้รู้สึกอบอุ่นและมีคุณค่า ลมหายใจอุ่นๆ ของเธอที่พัดผ่านต้นคอทำให้ฉันรู้ว่าเธอยังคงเอนหัวลงมาซบที่หลังและยังคงต้องการฉันอยู่เสมอ แม้ในวันนี้เธอจะทำให้ฉันรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วเธอก็เป็นเพียงความว่างเปล่าที่ฉันไม่สามารถสัมผัสผิวกาย กล่าวคำว่ารัก และจับมือเดินเคียงข้างกันตลอดไปอย่างที่เราสองคนเคยต้องการได้ก็ตาม...


ยังคงยินดีที่ได้รู้จักเสมอ
ปอ
ป.ล. ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใครก็ตาม ขอให้คุณได้พบกับเขาเสียที คนที่คุณรักเขามากพอกับที่เขารักคุณ ผมอยากให้คุณเข้าใจและรู้ด้วยตัวเองว่าผมไม่ได้คาดหวังมากเกินไป “ว่าความรักที่ทำให้ผมอมยิ้มและร้องไห้อยู่ทุกวันนี้... มันมีอยู่จริง”

No comments: