21 September 2006

-: ยืนต้น :-

ยืนต้น

คืนหนึ่ง...
ฝนร่วงรด หยดสาด เป็นหยาดสาย
เสียงฟ้าร้อง ก้องกำจาย อยู่ครามครั่น
ฟ้าแลบเล่น เส้นร้าว พาดยาว-พลัน
มนุษย์คว้า สุริยัน ลงจุ่มโคลน

ความมืดหม่น หล่นมัว ลงทั่วฟ้า
เห็นดารา เรียงห้อย ขึ้นร้อยโหน
หยาดน้ำรด หยดน้ำหลาก กระชากโยน
มนุษย์ร้อง ก้องตะโกน แล้วถูกกลืน

ภาพโล่งเตียน เลี่ยนตา ขึ้นปรากฏ
ป่าเลือนลด หมดฝัน ไม่ทันฝืน
มนุษย์ลัก หักหั่น ทุกวันคืน
เหลือแต่ยืน ตอตาย อยู่ปลายไพร


เช้าสอง...
ป่ากลับ ปรับคืน สู่ผืนป่า?
ยืนต้น ตรงตา ให้มองได้?
แข็งขืน ยืนเด่น เห็นแต่ไกล?
มนุษย์เพียง ย้ายไว้ เข้าในเมือง?

กิ่งตึก เกลื่อนตา ระฟ้ากว้าง
ก่อสร้าง แผ่รากไกล โดยใช้เครื่อง
โตสูง ใหญ่สวย ด้วยฟันเฝือง
ต้นเขื่อง เรียงล้น จนสุดแปลง

อาทิตย์ไล้ ไออุ่น อรุณรุ่ง
ภาพเมืองกรุง เผยช่อ ขึ้นล้อแสง
ชีวิตต่อ ชีวิตตื่น ผืนฟ้าแจง
สุรีย์แจ้ง แสงเจิด เปิดฉากวัน

บุปผาโผล่ โล้ลม ชมผืนฟ้า
หมู่นกกา ขยับยืน ตื่นจากฝัน
ดาวเดือนส่ง ลงฟ้า ลาตะวัน
น้ำค้างกลั่น ประกายทอง ละอองไอ

แมลงปอ ล้อขยับ จับปลายหญ้า
กิ่งตึก แกว่งกายา โล้ลมไหว
ไอป่าโปรย โชยกรุ่น ละมุนละไม
มนุษย์ไส ตะวันพ้น ก้นบ่อโคลน


1 comment:

Anonymous said...

หากกวีไม่บรรเลงเพลงกวี แล้วจะมีใครสืบสานงานกวี